มหา ณ สารคาม


วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

มหา ณ สารคาม


มหา ณ สารคาม


 พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักสิลานคร
                พุทธมณฑลอีสาน หมายถึง พระธาตุนาดูนที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2528 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่โคกดงเค็ง ที่ป่าสาธารณะ ตำบลนาดูนและตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ ให้เป็นพุทธมณฑลอีสาน เมื่อ พ.ศ.2530
                ถิ่นฐานอารยธรรม หมายถึง เป็นถิ่นฐานที่ตั้งเมืองโบราณหลายแห่ง ได้แก่ เมืองนครจำปาศรี เมืองคันธารวิสัย เมืองโบราณที่ค้นพบบริเวณบ้านเชียงเหียนและบ้านแกดำ
                ผ้าไหมล้ำเลอค่า หมายถึง เป็นเมืองที่มีการทอผ้าพื้นเมืองกันมากทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าไหมของจังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัด หนึ่งที่มีคุณภาพดีที่สุดซึ่งสามารถทำรายได้ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไหมได้เป็นจำนวนมากพอสมควรในแต่ละปี
                ตักศิลานคร หมายถึง จังหวัดที่มีสถานศึกษามากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ มีสถาระดับอุดมศึกษา จำนวน 5 แห่ง ระดับ อาชีวศึกษา3แห่ง และการศึกษาในระบบโรงเรียนอีก666แห่ง
                จุดเด่นความเป็น "ตักสิลานคร" ที่จังหวัดมหาสารคามมีสถาบันการศึกษาระดับสูงสุดหลายแห่ง  สามารถผลิตทรัพยากรแรงงานระดับคุณภาพที่จะตอบสนองความต้องการทางเทคโนโลยีและธุรกิจได้  สามารถผลิตบุคคลากรสายอาชีพครูระดับปริญญาโทและปริญญาตรี  และยังสามารถผลิตบุคลากรสายช่างสาขาต่างๆ ในระดับ ปวช.  ปวส.  และบุคลากรในด้านพาณิชย์บัญชีและคอมพิวเตอร์ทั้งระดับ ปวช.  ปวส.  ปริญญาตรี  และปริญญาโท   (สาขาบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยมหาสารคาม)  จึงถือได้ว่าจังหวัดมหาสารคาม เป็นฐานการฝึกอบรมทักษะด้านช่างและด้านการจัดการธุรกิจที่มีศักยภาพสูงจังหวัดหนึ่งในระยะหลังสถาบันการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และสถาบันราชภัฎมหาสารคาม  ซึ่งแต่เดิมผลิตบุคลากรสายอาชีพครูเป็นหลัก  ได้เริ่มเน้นที่จะปรับปรุงเพิ่มเติมการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี  และการจัดการธุรกิจมากยิ่งขึ้น  ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจและแนวทางการพัฒนาประเทศ  จึงเป็นจุดเด่นของมหาสารคาม  ที่จะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและฝึกอบรมฝีมือแรงงานในระดับภูมิภาคและประเทศได้

ประชากรจังหวัดมหาสารคาม
                ประชากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 รวมทั้งสิ้น 940,402 คน เป็นชาย 467,815 คน หญิง 472,587คน สำ หรับอำ เภอที่มีประชากรมากที่สุด ได้แก่ อำ เภอโกสุมพิสัย มีจำ นวน 121,801 คน รองลงมาได้แก่อำ เภอวาปีปทุม มีจำ นวน 114,584 คน และอำ เภอบรบือ มีจำ นวน 108,723 คน สำ หรับอำ เภอที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุด คืออำ เภอพยัคฆภูมิพิสัย 211.60 คน/ตร.กม. รองลงมาได้แก่ อำ เภอกันทรวิชัย 200.39 คน/ตร.กม. อำ เภออกดำ 194.72 คน/ตร.กม.



ประชากรทั้งหมด
                จากกราฟจะเห็นได้ว่าประชากร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2542 รวมทั้งสิ้น 940,402 คน เป็นชาย 467,815 คน หญิง 472,587คน ซึ่งโดยมีประชากรชายมีจำนวนมากกว่าจำนวนประชากรหญิงเป็นอย่างมาก โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ถึง พ.ศ.2552 จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าประชากรทั้งชายและประชากรหญิงนั้น จะมีความแตกต่างกัน และมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรทั้งชายและหญิงในทุกๆปีอย่างเช่นเดียวกัน โดยปี พ.ศ.2550 จะมีประชากรทั้งชายและหญิงน้อยที่สุด คือมีประชากรทั้งหมด 936,005 คน แบ่งเป็นชาย 463,945 คน และเป็นประชากรหญิง 472,060 คน ซึ่งมีความแตกต่างกับ พ.ศ.2552 เป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นได้ว่าประชากรในจังหวัดมหาสารคามนั้นจะมีการเพิ่มจำนวนของประชากรทั้งชายและหญิงเพิ่มขึ้นทุกปี
                ในการจำแนกประชากรแบ่งออกได้ 2 ลักษณะคือ
                                -ผู้ที่มีสัญชาติไทยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
                                -ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
                โดยการจำแนกแบ่งออกเป็นสองส่วนนั้นเพื่อความง่ายในการทำความเข้าใจ ว่าที่จริงแล้วนั้นจังหวัดสารคามนั้น ที่จริงแล้ว มีผู้ที่มีสัญชาติไทยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้นมีจำนวนเท่าไร และผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมีจำนวนเท่าไรโดยปกติแล้วนั้นมีคนจำนวนน้อยที่ทราบข้อมูลตรงนี้


ผู้ที่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

                ข้อมูลนี้จะแสดงว่าผู้ที่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะมีจำนวนที่ไม่คงที่จะมี เนื่องจากจะมีการย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดบ้าง แต่ตั้งแต่ พ.ศ.2551 จะสังเกตได้ว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั้งชายและหญิงและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก และข้อมูลผู้ที่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะสังเกตได้ว่าผู้ชายจะมีจำนวนมากกว่าผู้หญิงทุกปีและมีจำนวนที่มากกว่าด้วย
                ส่วนข้อมูล ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนั้น จะมีข้อมูลที่น้อยมาก สำหรับผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย แต่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มี มีจำนวนรวมกันแล้วทั้งชายและหญิงมีจำนวนไม่เกิน 200 คน/ปี และยังคงมีข้อมูลที่เหมือนเดิมคือจำนวนประชากรชายจะมีมากกว่าจำนวนประชากรหญิงและมีแนวโน้มมีจำนวนมากขึ้นทุกปี
ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
                เมื่อนำเอาข้อมูลทั้งสองมาเปรียบเทียบกันระหว่าง ผู้ที่มีสัญชาติไทยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน   กับข้อมูลผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะเห็นได้ว่าข้อมูลทั้งสองนั้นมีข้อมูลที่แตกต่างกันในระดับจำนวนประชากร ส่วนใหญ่นั้นประชากรในจังหวัดมหาสารคามนั้นจะมีผู้ที่มีสัญชาติไทยมากกว่าผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย และจำนวนประชากรทั้งสองนั้น ประชากรชายจะมีมากกว่าจำนวนประชากรหญิงเป็นอย่างมาก และแนวโน้มของผู้ที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทยนั้น จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี
                จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นจะเห็นได้ว่า ประชากรที่อาศัยอยู่ในจังหวัดมหาสารคามนั้นมีอยู่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับความเป็นจริงแล้ว คือจังหวัดสารคามนั้นเป็นเมืองแห่งการศึกษา เป็นเมืองที่มีประชากรมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากการเข้ามาศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม แต่จำนวนของคนในจังหวัดมหาสารคามที่ยังคงอาศัยอยู่ในจังหวัดสารคามนั้นมีจำนวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาเรียนต่อในจังหวัดมหาสารคาม  และสิ่งที่ข้อมูลนั้นแสดงให้เห็นก็คือ เนื่องจากจังหวัดมหาสารคามนั้นมีผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยอยู่เป็นจำนวนมากเหมือนกันโดยประชากรชายนั้นจะมีมากกว่าประชากรหญิงอยู่เป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และประชากรที่มีสัญชาติไทยก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จึงทำให้จำนวนประชากรทั้งหมดสูงขึ้นทุกปี บวกด้วยการเข้ามาเล่าเรียนของนิสิตต่างจังหวัดด้วยยิ่งทำให้จำนวนประชากรมีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
                เมื่อเกิดการเพิ่มจำนวนประชากรที่สูงขึ้นนั้นจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรเป็นอย่างมาก และแต่เดิมนั้นสภาพแวดล้อมนั้นจะมีสภาพแวดล้อมที่เป็นไปด้วยธรรมชาติแต่เนื่องจากความเจริญเข้ามาความเป็นชุมชน ชนบทก็หายไปถูกแทนที่โดยสังคมใหม่ เนื่องจากการเพิ่มจำนวนประชากรและการใช้ทรัพยากรอย่างไม่มีขีดจำกัดซึ่งจังหวัดมหาสารคามนี้ตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มจำนวนประชากรมากเท่าไร แต่เมื่อมีประชากรเพิ่มมากขึ้นเท่าไรการใช้ทรัพยากรก็จะมากขึ้นตามไปด้วย และเมื่อมีคนมากความเจริญทาเศรษฐกิจก็เข้ามา ความเป็นชนบทก็จะหายไป วัฒนธรรมเก่าๆก็ถูกทำลายหายไปโดยสังคมสมัยใหม่ คนที่ได้รับความเดือดร้อนก็คือคนในจังหวัดมหาสารคามนั้นเองที่จะได้รับผลกระทบนี้
                การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่างๆตามมาได้ในหลายๆเรื่องหลายๆด้านเกิดความวุ่นวายขึ้นในสังคมที่มีจำนวนประชากรมาก ที่มาอาศัยอยู่เพียง ณ จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง ปัญหาทางด้านจราจรมีความวุ่นวาย จราจรติดขัด คนฝ่าฝืนกฎระเบียบ เกิดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมทางอากาศตามมา เกิดปัญหาทางด้านอาชญากรรม ผู้คนแก่งแย่งชิงผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน รวมทั้งการใช้ทรัพยากรที่มากเกินไปยิ่งคนมาก การใช้ทรัพยากรโลกยิ่งสิ้นเปลือง เพราะต่างคนต่างใช้ไม่รู้จักอนุรักษ์และหวงแหน เพราะคิดว่าเป็นของสาธารณะชนคนยิ่งมากปัญหาต่างๆก็มากตามมาด้วยอาจไม่มีการจัดระเบียบประชากรที่ชัดเจนและแน่นอน การที่เรารู้จักช่วยกันและอนุรักษ์ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนรวมไปถึงเรื่องของจังหวัดที่มีสถาบบันการศึกษาที่เป็นที่นิยมของคนทั้งประเทศควรจะมีการจัดระเบียนในเรื่องของการรับ สมัครคนที่จะเข้ามาเรียน สถานศึกษานั้นจะต้องมีการตรวจสอบด้วย ให้พอกับจำนวนที่จะเข้ามาเรียนจริงๆ ไม่ใช่ว่ารับมาเยอะเท่าไรยิ่งดี เงินที่หมุนเวียนจะมีมาก แต่การที่เรารับจำนวนนิสิตมากขึ้นก็ยิ่งสงผลกระทบตามมามากมายและยิ่งสร้างปัญหาให้กับคนในท้องถิ่นนั้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ยังเป็นปัญหาที่ยังไม่สามารถควบคุมและแก้ไขได้


เอกสารอ้างอิง